วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

สิ่งที่ไม่ควรทำหลังรับประทานอาหาร

1. อย่าสูบบุหรี่ ผลจากการทดลองของผู้เชี่ยวชาญพบว่า การสูบบุหรี่หลังอาหารเทียบได้กับ การสูบบุหรี่ยามปกติถึง 10 มวน (ทำให้มีโอกาสเป้นมะเร็งมากขึ้น)

2. อย่ากินผลไม้ทันทีหลังอาหาร เพราะมันไปพองในท้องคุณ ให้กินผลไม้ 1 หรือ 2 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ จะดีกว่า

3. อย่าดื่มน้ำชา เพราะว่าใบชามีความเป็นกรดสูงทำให้โปนตีนในอาหารที่เรากินกระด้างขึ้น ทำให้ย่อยยาก

4. อย่าขยายเข็มขัดหลังกินอิ่ม เพราะเป็นเหตุให้ลำไส้ไม่ปกติ

5. อย่าอาบน้ำหลังกินข้าว เพราะการอาบน้ำจะทำให้ดลหิตไหลเวียนไปที่มือและเท้าทั่วร่างกาย เป้นเหตุให้ปริมาณโลหิตไหลเวียนบริเวณท้องก็เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่

6. อย่าเดินหลังอาหาร แม้คุณจะเคยได้ยินว่ากินข้าวแล้วให้เดินสัก 100 ก้าวจะทำให้อายุยืนถึง 99 ปี! การเดินทันทีทำให้การย่อยเพื่อการดูดซึมสารอาหารทำได้ไม่ดี ควรรออย่างน้อยสักชั่วโมงค่อยเดินถ้าต้องการ

7. อย่านอนทันที อาหารที่รับประทานเข้าไปไม่สามารถย่อยได้เต็มที่ อาจทำได้เกิดลมหรือแก๊สในทางเดินอาหาร

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การออกแบบและพัฒนา Lo

การออกแบบและพัฒนาเลิร์นนิ่ง อ๊อบเจ็ค
ต้องอาศัยทีมงานในการทำงานซึ่งประกอบด้วย อย่างน้อย ได้แก่
1) ผู้ชำนาญด้านเนื้อหา 2)นักออกแบบการเรียนการสอน 3) นักออกแบบกราฟิก 4) ผู้เขียนโปรแกรม
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.ขั้นตอนการพัฒนาเนื้อหา นักออกแบบ คือผู้ที่รับผิดชอบงานในส่วนนี้เป็นหลัก โดยปรึกษาประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาหรือโปรแกรมในช่วงของการเขียนสตอรี่บอร์ด โดยดำเนินการ ดังนี้
1.1 กำหนดวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ หรือขีดความสามารถของผู้เรียนที่ต้องการ
1.2 กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งค้นคว้าศึกษา จากแหล่งความรู้ทั่วไปและอื่น ๆ
1.3 วิเคราะห์ผู้เรียน เช่น ลักษณะการเรียนรู้ (learning style)
1.4 เขียนสตอรี่บอร์ด (storyboard scripting) เป็นการกำหนด สิ่งที่จะปรากฏบนหน้าจอ รวมทั้ง การปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนกับโปรแกรมการนำเสนอเนื้อหา
1.4.1 กำหนดกรอบหรือมโนทัศน์ ภาพลักษณ์โดยรวม
1.4.2 เลือกองค์ประกอบของสื่อที่จะใช้ ซึ่งมีลักษณะของสื่อที่ต้องพิจาณา 2 ประเภท คือ
Host stage media และ Feature media
1.5 เขียนโฟล์วชาร์ต (flowchart) ช่วยสื่อให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างหน้าจอแต่ละหน้า ในรูปแบบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซึ่งตอบสนองคุณสมบัติของสื่อผสมหลายมิติได้ดี
2. การผลิต ขั้นตอนนี้เป็นความรับผิดชอบของทีมงานสร้าง ซึ่งจะทำงานตามสตอรี่บอร์ด และแผนที่ได้วางไว้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 ทีมงานผลิตศึกษา โฟล์วชาร์ต และ สตอรี่บอร์ด โดยละเอียด
2.2 ทีมงานผลิตให้คำแนะนำ เกี่ยวกับรูปแบบ และอาจเสนอประเด็นปัญหาในเชิงเทคนิคที่อาจเกิดขึ้น เพื่อร่วมแก้ไข
2.3 ทีมงานผลิต กรณีที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ทีมงานผลิตอาจแยกความรับผิดชอบงานออกเป็นชิ้นย่อย

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

แนะนำการแต่งรูปผ่านเว็บ

เว็บที่ต้องการแนะนำคือเว็บ http://www.fotoflexer.com/



ขั้นตอนที่ 1 เลือกรูปเพือแต่งภาพ



















ขั้นตอนที่ 2 เปิดเว็บเพื่ออัฟโหลดรูปลงโปรแกรม




















ขั้นตอนที่ 3 คลิก Effects เพื่อเปลี่ยนสีรูป



















ขั้นตอนที่ 4 คลิกไปที่รูปแบบ Pop Art






















ขั้นตอนที่ 5 ผลจะปรากฎ ดังรูป





















ขั้นตอนที่ 6 คลิก Decorate เพื่อเพิ่มลูกเล่น และคลิก Stickers เพื่อตกแต่งรูป























ขั้นตอนที่ 7 เลือก Stickers ตามใจชอบ























ขั้นตอนที่ 8 เสร็จสมบรูณ์ ดังรูป








































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สรุปเรื่อง Virtual Classroom

เป็นการจัดสิ่งแวดล้อมโดยอาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นการจัดประสบการณ์ และมีการเข้าถึงข้อมูลโดยการพิมพ์ อ่าน ผ่านคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟแวร์ และยังควบคุมการสร้างบรรยากาศแบบห้องเรียนเสมือน ในระบบห้องเรียนเสมือนสามารถเชื่อมต่อเข้าไปศึกษาได้ทุกที่ทุกเวลา

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน มีข้อจำกัดดังนี้

1. สถานที่จำกัดเฉพาะในห้องเรียน

2. การเรียนรู้จำกัดเฉพาะครู ผู้เรียน และตำรา

3. เวลาในการจัดการเรียนการสอนไม่เอื้อ

4. โอกาสในการเรียน สถานที่เรียนไม่พอ

5. สัดส่วนของครูและนักเรียนไม่เหมาะสม

วัตถุประสงค์ของ Virtual Classroom

-จะเปิดโอกาสให้บุคคลสามารถเข้าถึงและได้รับการศึกษาหลังมัธยมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ

-ประยุกต์เข้ากับ การเรียนแบบร่วมมือ

-พัฒนาโอกาสของ การเข้าถึงการศึกษาโดยพิจารณาจากแนวคิดที่เกี่ยวกับห้องเรียนเสมือนใน ประเด็นต่างๆ

ข้อดี

1. สถานที่

2. เวลาที่ยืดหยุ่น

3. ไม่มีการเดินทาง

4. ประหยัดเวลา ผู้เรียน

5. ทำงานร่วมกัน

6. โอกาสการมีส่วนร่วม

ข้อจำกัด

1 แหล่งเรียนมีจำกัด

2 เครื่องมือที่จำเป็น

3 การให้ข้อมูลย้อนกลับล่าช้า

4 ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

2.บอกความเหมือนและความแตกต่างของคำต่อไปนี้

1. E-Learning กับ Web Base Instruction (WBI)

ความเหมือนระหว่าง E-Learning กับ WBI :: เป็นการเรียนทางไกลผ่านทางเว็บ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือ เอ็กซ์ทราเน็ต เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เป็นการผสมผสานระหว่าง web technology กับกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการเรียนรู้ และแก้ปัญหาในเรื่องข้อจำกัดทางด้านสถานที่และเวลา (anywhere, anytime) ในการเรียน แต่เดิมการเรียนการสอนแบบ WBI มักจะเน้นเนื้อหาในลักษณะตัวหนังสือ (text-based) และภาพประกอบ หรือ วิดีทัศน์ที่ไม่ซับซ้อนเท่านั้น

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง WBI กับ E-learning นั้น แทบจะไม่มีเลย แต่ E-learning เป็นเสมือนวิวัฒนาการของ WBI นั้นเอง




2. Computer Assisted Instruction (CAI) กับ Computer Manage instruction(CMI)
ความเหมือนระหว่าง (CAI) กับ (CMI) :: เป็นการเรียนโดยตรง และเป็นการเรียนแบบปฏิสัมพันธ์ (Interactive) ระหว่างนักเรียนกับคอมพิวเตอร์ โดยเน้นการเรียนเป็นรายบุคคลศึกษาด้วยตนเอง ใช้จัดระบบการเรียนการสอน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถความถนัดของตนเอง

ความแตกต่าง (CAI) กับ (CMI)
CAI :: มีลักษณะเป็นโปรแกรมการเรียนการสอนสำเร็จรูป เนื้อหาเรื่องราว
ส่วน CMI :: เป็นการนำคอมพิวเตอร์เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับลักษณะและพฤติกรรมของนักเรียน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความแตกต่างระหว่างบุคคลได้
3. Web Base Instruction (WBI) กับ Computer Assisted Instruction (CAI)
ความเหมือนระหว่าง (WBI) กับ (CAI) :: ใช้สื่อคอมพิวเตอร์เป็นกระบวนในการเรียนการสอน เป็นการเรียนโดยตรงระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์
ความแตกต่างระหว่าง (WBI) กับ (CAI)
WBI :: การเรียนการสอนที่ใช้เวิลด์วายเว็บเป็นสื่อหรือตัวกลางในการเรียนการสอนร่วมกันระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนในลักษณะของบทเรียนที่ประกอบด้วยเนื้อหา รูปภาพประกอบ เสียง และภาพเคลื่อนไหว ผู้สอนและ ผู้เรียนสามารถใช้เว็บเพจ ในการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สืบค้น ตอบปัญหา ทำแบบฝึกหัด ข้อสอบ และกิจกรรมการเรียนการสอน ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้จากจุดเชื่อมต่อเครือข่าย และการเชื่อมต่อระยะไกล ผ่านโมเด็มโดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
CAI :: เป็นกระบวนการเรียนการสอน โดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์ ในการนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวต่างๆ มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรง และเป็นการเรียน แบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive) คือสามารถโต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ได้
4. Computer Assisted Instruction (CAI) กับ Mobile Learning (M-Learning)
ความเหมือนระหว่าง (CAI) กับ (M-Learning) :: การใช้คอมพิวเตอร์ทำการถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน
ความแตกต่างระหว่าง (CAI) กับ (M-Learning)
CAIคือ สื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์เพื่อทำการถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน หรือ ความรู้ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับผู้เรียนในห้องเรียนมากที่สุด โดยนำเสนอสื่อประสม (Multimedia) ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว กราฟิก แผนภูมิ วีดีทัศน์และเสียง โดยจะนำเสนอเนื้อหาที่ละจอภาพ ซึ่งเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะได้รับการถ่ายทอดในลักษณะที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับธรรมชาติและโครงสร้างของเนื้อหา
m-Learning คือ การจัดการเรียนการสอนหรือบทเรียนสำเร็จรูป ที่นำเสนอเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านเทคโนโลยีไร้สาย และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่และทุกเวลา โดยไม่ต้องเชื่อมต่อโดยใช้สายสัญญาณ ผู้เรียนและผู้สอนใช้เครื่องมือสำคัญ คือ อุปกรณ์ประเภทเคลื่อนที่ได้โดยสะดวกและสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องใช้สายสัญญาณแบบเวลาจริง ได้แก่ Notebook Computer, Portable computer, Tablet PC, Cell Phones ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

1.ให้นักศึกษาค้นหาความหมายของคำต่อไปนี้

1.E-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยสามารถมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฎิสัมพันธ์ได้
2. Web Base Instruction (WBI) คือ การเรียนการสอนผ่านเว็บ จึงหมายถึง การรวมคุณสมบัติของสื่อหลายมิติ (Hypermedia) กับ คุณลักษณะของอินเตอร์เน็ตและเวิล์ดไวด์เว็บ มาออกแบบเป็นเว็บเพื่อการเรียนการสอน สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายที่สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา โดยมีลักษณะที่ผู้เรียนและผู้สอนมี ปฏิสัมพันธ์กันโดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงถึงกัน
3. Computer Assisted Instruction (CAI) คือ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ สื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์เพื่อทำการถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน หรือ ความรู้ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับผู้เรียนในห้องเรียนมากที่สุด โดยนำเสนอสื่อประสม (Multimedia) ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว กราฟิก แผนภูมิ วีดีทัศน์และเสียง โดยจะนำเสนอเนื้อหาทีละจอภาพ ซึ่งเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะได้รับการถ่ายทอดในลักษณะที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับธรรมชาติและโครงสร้างของเนื้อหา
4. Computer Manage instruction (CMI) คือ การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนนั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ครูผู้สอนนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นเครื่องมือในการจัดทำสื่อ การเรียนการสอน แผนกวิชาการ นำคอมพิวเตอร์เข้ามาจัดตารางสอน การลงทะเบียนเรียน การจัดตารางการเรียนการสอน เป็นต้น สำหรับในด้านการบริหารแล้ว ผู้บริหาร ก็สามารถที่จะใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดเก็บข้อมูล จัดทำงบประมาณของแต่ละปี
5. Mobile Learning (M-Learning) คือ การจัดการเรียนการสอนหรือบทเรียนสำเร็จรูป (Instruction Package)ที่นำเสนอเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านเทคโนโลยีไร้สายและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่และทุกเวลา โดยไม่ต้องเชื่อมต่อโดยใช้สายสัญญาณ ผู้เรียนและผู้สอนใช้เครื่องมือสำคัญ คือ อุปกรณ์ประเภทเคลื่อนที่ได้โดยสะดวกและสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องใช้สายสัญญาณแบบเวลาจริง ได้แก่ Notebook Computer, Portable computer, Tablet PC, Cell Phones ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
6.Virtual Class room คือ ห้องเรียนเสมือน การเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยใช้ช่องทางของระบบการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตเข้าไปเรียนในเว็บไซต์ ที่ออกแบบกระบวนการเรียนการสอนให้มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับเรียนในห้องเรียนแบบปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและผู้เรียนกับผู้เรียน โดยมีบรรยากาศเสมือนพบกันจริง กระบวนการเรียนการสอนจึงไม่ใช่การเดินทางไปเรียนในห้องเรียนแต่เป็นการเข้าถึงข้อมูลเนื้อหาของบทเรียนได้โดยผ่านคอมพิวเตอร์

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552